ผมไป Facebook Blueprint เป็นรอบที่ 3 ในชีวิต การสอบรอบนี้มีความแตกต่างจากรอบที่ผ่านมา และเป็นครั้งที่ผมตัดสนใจไปสอบที่ศูนย์สอบ Pearson

ผมสอบรอบที่ 1 ปี 2016 รอบที่ 2 ปี 2018 การสอบสองรอบนั้นจะต้องสอบ 3 ครั้ง เพื่อให้ได้ใบ 2 ใบ คือ Fundamental 1 ใบ ซึ่งจะยังไม่ได้ใบ Certificate ใดๆ เราต้องทำการสอบ Planning เพื่อให้ได้ 1 ใบ และสอบ Buying เพื่อให้ได้อีก 1 ใบ สอบแต่ละครั้งราคาอยู่ที่ 75 เหรียญ สอบ 3 ครั้ง ประมาณ 225 เหรียญ นั่นคือของเดิม แต่ของใหม่จะสอบแยกเป็นอันๆ ไปเลยคือ สอบ Planning 1 ครั้ง 75 เหรียญ ได้ใบ Certificate ของ Planning ไปเลย ถ้าเราต้องการได้ใบ Certificate ของ Buying ด้วยก็สอบอีก 1 ครั้ง รวมแล้วได้ทั้งใบ Certificate ของทั้ง Planning และ Buying จะเสียค่าใช้จ่ายลดลงเหลือ 150 เหรียญ เช้าวันนี้ผมจะไปสอบ Buying Certificate ที่ศูนย์สอบ Pearson เพื่อลิ้มรสครั้งแรกของการสอบว่าจะต้องทำตัวแตกต่างอย่างไรกับการสอบที่บ้าน เดี๋ยวจะมาเล่าความแตกต่างให้ฟังระหว่างสอบที่บ้านกับสอบที่ศูนย์สอบ

เรื่องที่ 1

ตอนนี้สอบเสร็จแล้ว ข่าวที่บอกว่าโครงสร้างของข้อสอบมีการเปลี่ยน เป็นเรื่องจริง เพราะผมรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลักๆ คือระยะเวลาในการสอบ จากเดิม 75 นาที ปรับมาเป็น 105 นาที จำนวนข้อสอบมากขึ้นด้วย ความยากในภาพรวมก็ยากขึ้นด้วย จากเดิม 52 – 56 ข้อ รอบนี้มี 60 ข้อใน 105 นาที ส่วนที่หายไปของข้อสอบครั้งนี้คือข้อที่แจกคะแนนฟรี พวกใช้ความจำตอบได้เลย หายไปเยอะเลย โดยเฉพาะ Page Role  Page Insight  Business Manager Role ซึ่งใช้ความจำ ไม่มีเลย จะเน้นไปเรื่องการคิดวิเคราะห์มากกว่า การคำนวณ Result คำนวณตัวเลข CPM ต่างๆ ส่วนใหญ่โจทย์ที่ให้มาจะมี 2 ลักษณะ คือการคำนวณ Budget ของแคมเปญที่ลูกค้าต้องการ หรือจากตัวเลขที่ให้มาในปัจจุบัน Budget จะได้อยู่ที่เท่าไหร่ อันนี้จะง่ายกว่า แต่ที่ยากคือการคำนวณตัวเลขจาก Website Conversion หรือ App Conversion มีถึง 12 ข้อ หลายๆ ข้อผมไม่แน่ใจเลย ดังนั้นคนที่จะไปสอบต้องฝึกสอบการคำนวณเยอะๆ 

เรื่องที่ 2

อีกส่วน มีแคมเปญประเภทแอพฯ ถามค่อนข้างเยอะ แคมเปญประเภท Conversion แคมเปญในการ Implement Tagging ต่างๆ ดังนั้น ที่ขาดไม่ได้เลยคือต้องเข้าใจการทำการตลาดแบบ Conversion ต้องเข้าใจแคมเปญประเภท Performance รวมถึงต้องเข้าใจ Conversion Funnel ข้างในทั้ง Website Conversion และ App Conversion ไม่ว่าจะเป็น App Install หรือ App Engagement การเลือก Buying Type Objective ให้ตรงกับโจทย์ อันนี้ถามเยอะมาก 

เรื่องที่ 3

Bidding Strategy ด้วยว่าจะใช้ Bid อะไร Bidding ของ Facebook มี 3 ตัวแล้ว ใครที่เล่น Automatic Bid หมดเลยจะเสียเปรียบ ต้องมีประสบการณ์หรือเข้าใจพื้นฐานของ Bidding พอสมควรว่า Bidding Type แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

เรื่องที่ 4

แม้ว่าข้อสอบครั้งนี้จะมีคำนวณเยอะ แต่คำนวณไม่ได้ซับซ้อน ดังนั้นให้ระวังข้อมูลตัวเลขในโจทย์ที่ให้มา เพราะอาจจะไม่ต้องใช้ทุกตัวเลขมาคิด เพราะโจทย์ต้องการวัดว่าเราเข้าใจตัวเลขที่จะนำมาคำนวณหรือเปล่า มีหลายข้อให้ข้อมูลมาเกิน และเรื่องของ Measurement รอบนี้ถามเยอะมาก ถามทั้งข้อเดี่ยวๆ และถามพ่วงไปกับ Media Planning หรือ Media Strategy ด้วย การวัดผลมีทั้งการวัดผลแบบ Branding และกลุ่ม Conversion 

เรื่องที่ 5

คำถามเกี่ยวกับ Campaign Optimization เยอะมาก เช่น รัน Ads ของมาแบบนี้แล้ว Performance ไม่ดี ต้องปรับแก้ที่ Factor ไหน อันนี้วัดความเข้าใจในการทำ Algorithm Delivery ว่า Ads ของ Facebook จะ Deliver ได้ดีต้องใช้อะไร แล้วปรับ Factor ไหนถึงจะดี คนที่เข้าใจพื้นฐานจะวิเคราะห์ได้

เรื่องที่ 6

Placement Availability ที่ Facebook ต้องการดัน เช่น Audience Network  Instream วิดีโอแบบ 4:5 ถามเยอะมาก ลงที่ไหนได้บ้าง ส่วนนี้ถามเยอะมาก

เรื่องที่ 7

Ads Technical Tools ทั้งหลาย เช่น Pixels  Product Catalog มีการถามในระดับพื้นฐาน ต้องเข้าใจว่าแคมปญที่ทำ Website Conversion ต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้าง ต้องไปทวนเรื่อง Product Catalog มีถามว่าถ้าลูกค้าลิงค์ Product Catalog เข้ากับ Website แล้วทำแคมเปญอะไรได้บ้าง ในการอ่านโจทย์ต้องระวัง มีการสับขาหลอกเยอะ แนะนำให้อ่านให้ช้า

วิธีไปสอบที่ศูนย์สอบ Pearson

มาดูที่ศูนย์สอบกัน ที่ประเทศไทยจะใช้ศูนย์สอบ Pearson ที่อาคาร BB mอโศก เป็นอาคารเดียวกับการสอบ TOEIC แต่อยู่คนละชั้น การเดินทางค่อนข้างง่าย ใครที่ขับรถไปเองแม้จะแสตมป์บัตรจอดรถก็ยังเสียค่าจอดอยู่ที่ชั่วโมงละ 20 บาท การสอบจะเลือกได้ 2 รอบ คือสอบรอบเช้าหรือรอบบ่าย ซึ่งรอบเช้า 8.00 น. แต่ในอีเมล์ที่ส่งมาก่อนสอบจะแจ้งอยู่แล้วว่าเราควรมาก่อนเวลาสอบ 15 นาที ในการเข้าห้องสอบ ผมแนะนำว่าเราไม่ควรนำอะไรมาเลยถ้าไม่จำเป็น เพราะเราไม่สามารถนำอะไรเข้าห้องสอบได้เลย เมื่อมาถึงศูนย์สอบเราต้องเตรียมบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ ที่บ่งบอกตัวตนของเราชัดเจน พร้อมกับบัตรเครดิตที่ใช้ในการจองสอบ เพื่อยืนยันว่าเราจ่ายค่าสอบจริง จากนั้นจะมีการถ่ายรูป เจ้าหน้าที่จะบอกให้เรานำอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีในตัว เช่น นาฬิกาข้อมือ กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์มือถือ กุญแจ บัตรจอดรถ ไม่ได้เลย เพราะเมื่อเราฝากของในล็อคเกอร์แล้วมีกุญแจล็อคเกอร์ เจ้าหน้าที่จะขอให้เราล้วงกระเป๋าออกมาให้ดูอีกทีหนึ่ง ขั้นตอนต่อมาคือการตรวจเสื้อผ้า สิ่งที่ผมแนะนำว่าเอามาได้และควรเอามาคือเสื้อคลุม เขาจะไม่ตรวจอะไรมาก เพราะห้องค่อนข้างหนาวสำหรับบางคน เมื่อเข้าห้องแล้ว เจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อปฏิบัติในการสอบเบื้องต้น ถ้าต้องการเข้าห้องน้ำ เข้าได้ แต่ต้องเข้าห้องน้ำของบริษัท Pearson เลยซึ่งเป็นห้องน้ำข้างใน จะมีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนข้างนอกบ้าง เพราะมีการสอบอย่างอื่นด้วยในชั้นเดียวกัน ถ้าใครกังวลเรื่องนี้แนะนำให้เลือกสอบที่บ้าน คะแนนจะปรากฏที่หน้าจอคอมทันที เมื่อสอบเสร็จและทราบคะแนนแล้ว อย่าลืมตรวจสอบทรัพย์สินที่เก็บไว้ในล็อคเกอร์ด้วย และอย่าลืมประทับตราบัตรจอดรถด้วย เพราะถ้าประทับชั่วโมงละ 20 บาท ไม่ประทับชั่วโมงละ 40 บาท เมื่ออกมาจากตึกแล้วให้ลงลิฟต์ไปที่ชั้น 6 แล้วเชื่อมต่อไปที่ลิฟต์ลานจอดรถ จะได้ไม่ต้องลงไปที่ชั้น 1 แล้วอ้อมเสียเวลา 

ผมมีสถานที่นั่งเตรียมตัวตอนเช้ามาแนะนำ 2 ที่ เนื่องจากในตึกบีบีไม่มีที่เปิดตอนเช้าหรือน่านั่งเลย มีที่ไปนั่งทานข้าวพร้อมกาแฟราคาไม่แพงที่ตลาดรวมทรัพย์ ฝั่งตรงข้ามของตึกบีบี ส่วนอีกที่หนึ่งคือข้างๆ ตึกบีบี ไม่ต้องข้ามถนน เป็นร้านสตาบัคส์ในตึก GMM ซึ่งค่อนข้างเปิดเช้า เข้าไปนั่งได้ แต่ไม่ควรไปจอดรถเพราะค่าจอดค่อนข้างสูง ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์การไปสอบ Facebook Blueprint Planning Certification ของผม หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆ คนที่กำลังเตรียมตัวไปสอบกัน

สามารถฟังพอดแคสต์ Marketing I Can
ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณสะดวกหรือใช้อยู่แล้วได้เลย YoutubeSpotifyPodcast

FOLLOW US

FacebookInstagramYoutubeLine